วิธีลดความอ้วนจาก 82 ลงมาสู่ 50 กิโลกรัม บทความหน้าสนใจ สรุป 4 สูตร ลดความอ้วน
วิธีลดความอ้วนจาก 82 ลงมาสู่ 50 กิโลกรัม บทความหน้าสนใจ สรุป 4 สูตร ความอ้วน เป็นสิ่งที่อยู่คู่กับของกินอร่อยๆ มาช้านาน หากว่าใครที่กำลังกินจุกจิก หรือกินเกินความพอดี ความอ้วนจะต้องมาเยือนเราอย่างแน่นอน ตอนกินเข้าไปอะไรๆ ก็ดูง่าย
แต่รู้รึเปล่าว่าการเบิร์นออกเพื่อให้รูปร่างกลับมาเหมือนเดิมนั้นยากซะยิ่งกว่าการเข็นครกขึ้นภูเขาซะอีก เหมือนกับสาวน้อยคนนี้ที่เรื่องราวการเปลี่ยนแปลงตัวเองมีความน่าสนใจมาก เธอได้นำเรื่องราวสูตรลดน้ำหนักด้วยตัวเองนี้ลงไปโพสต์ไว้ในเว็บไซต์ Pantip.com โดยถึงแม้ว่าจะมีความยากลำบากในการลดน้ำหนักขนาดไหน
แต่เธอก็ยังพยายาม จนสามารถทำให้รูปร่างตัวเองกลับมาสวยใสได้ในระยะเวลาเพียง 11 เดือน ถือว่าเป็นการลดน้ำหนักที่ไม่ต้องเตรียมตัวอะไรมาก และไม่เป็นการทำร้ายตัวเองจนเกินไป ลองไปติดตามเรื่องราวของเธอกัน
- งดข้าวเย็น
- งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกาย
- ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่
- ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก
เราออยากมาแชร์ประสบการณ์การวิธีลดความอ้วนของเราที่เชื่อว่าทุกคนต้องทำได้แน่ๆเพราะ แบบเราไม่ได้มีกฎเกณฑ์ หรือ อะไรมาก อุปกรณ์ไรก็ไม่มี ใช้ชีวิตอยู่แบบเด็กหอที่ต้องลดน้ำหนัก
และอีกอย่างที่ไม่รู้ว่าแปลกไหม เราไม่มีแรงบันดาลใจจากอะไรทั้งสิ้นเลย คนอื่นชอบถามว่าชอบใครเปล่าเลยพยายามลดบอกตรงๆ ตอนอ้วนไม่ได้ชอบใครเลย แค่วันนึงถ่ายรูปออกมาละ เห้ย!!? นี่ตัวฉันหรอ … คือมันแบบ นะ เดี๋ยวตามไปดูรูป
เล่าเรื่องวิธีลดความอ้วนตั้งแต่แรก
คือเป็นคนที่อ้วนมาแต่เด็กแล้ว อ้วนจากการกินเยอะเองนี่ละ ก็อ้วนปกติแต่ไม่ถึงขั้นมาก จนเริ่มมีจุดเปลี่ยนตอนเข้ามหาลัย
คือ อ้วนแบบมากๆ เลย ชีวิตเปลี่ยนจากอยู่บ้านไปอยู่หอ กินไรก็อร่อยไปหมด ซื้อกินตอนไหนก็ได้ น้ำหนักช่วงนั้นรู้สึกจะ 75-76 กิโล ก็ยังไม่ได้มีทีท่าจะลดหรอก ก็กินๆๆๆ ต่อไป จนมีช่วงนึงคือปี 2 กินๆๆ เยอะแบบรู้ตัวเลยว่าเยอะ กินข้าวครบทุกมื้อ ขนมก็กิน แต่ดึกก็กินอีก มื้อดึกนะ
เช่น โจ๊กคัพ+ไก่ทอด2 ชิ้น+ขนมจีบ คือ รู้ว่าตัวกินเยอะนะแต่หยุดไม่ได้จริงๆ แล้วพอกลับบ้านด้วยสภาพที่อ้วนแบบนั้น เจอใครที่บ้านก็ ทักว่าอ้วนมากกๆๆ คางจะย้อยถึงบ้านละ คือแบบเห้ยย ทำตัวไม่ถูกเลย พอชั่งน้ำหนักที่บ้าน เจอตัวเลข 82.9!! เห๊ยย นี่อ้วนจนขึ้นเลข 8เลยหรอ
พอถึงวันกลับหอเลยคิดว่าจะลองลดดู …. ซึ่งก็ไม่ได้คิดจะจริง
เริ่มแรกเลยนะ น้ำหนักที่ชั่งได้คือ 82.9 กิโล
สูง 160 เซนติเมตร ความอ้วนที่เห็นได้ชัดที่สุดก็คือหน้าน้ำหนักปัจจุบันคือ 50 เป๊ะ กินเยอะหน่อยก็ 51-52 ระยะเวลาในการลดน้ำหนัก ประมาณ 11 เดือน ได้ แต่ด้วยความที่เราไม่ได้ทำต่อเนื่องนะ มันเลยนานมีช่วงที่แบบว่ารู้สึกลดมามากพอแล้วก็หยุด กลับมากินปกติ เลิกออกกำลังกาย เป็นแบบนี้ประมาณ 2-3 ครั้ง รูปที่เห็นแล้วทำให้อยากลดก็คือ
1. งดข้าวเย็น นั่นแหละ น่าตกใจไหม
วิธีแรกที่เราเริ่มทำเลยนะ คือ งดข้าวเย็น วันแรกที่เริ่มลดก็คือในรูปนี่ละ ซัดพิซซ่าไปแล้ว หลังจากนี้ก็รู้สึก เห้ยเราก็ทนได้นี่หว่า ไม่ได้รู้สึกหิวเลยนะ อาจจะเป็นเพราะอ้วนมาก อาหารที่กินแต่ละวันคงยังเหลือให้ใช้พลังงานได้อีกเยอะ 55555
ก็เริ่มทำมาเรื่อย ๆ จำระยะเวลาไม่ได้อะ อ๋อ แล้วพอรู้สึกว่าตัวเองจริงจังกับการลดน้ำหนักแล้ว เลยไปซื้อเครื่องช่างน้ำหนักแบบดิจิตอล เห็นกันเป็นจุดๆ ไปเลย
มันดีมาก เลยนะ เราชั่งทุกวัน จะได้เจียมตัว 5555 แล้วคราวนี้ทำมาเรื่อยจน น้ำหนักลดไป 2 กิโล !! แบบมันดีใจนะ คนไม่เคยคิดจะสนใจน้ำหนักอะ
2. งดข้าวเย็น เพิ่มการออกกำลังกาย
คือมันลดก็จริง แต่เห็นสภาพตัวเองละก็ยังไม่ไหว ก็ยังคงงดมื้อเย็นมาสักพัก แต่คราวนี้ไปออกกำลังกายด้วย การออกกำลังของเราคือการวิ่ง
ไม่ สิ เราไม่ถึงขั้นวิ่ง เราทำแบบเดินเร็วๆ เร็วธรรมดากับเร็วมาก สลับกัน เราไปวิ่งที่ฟิตเนสมหาลัย ความเร็วของเครื่องอยู่ที่ประมาณ 5.5-6.9 ไรแบบนี้
แล้วก็มีปั่นจักรยานบ้างนะ บ้างจริงๆ เวลารอเครื่องวิ่งตอนไปว่างก็ปั่นๆ รอ มีภาพมายืนยัน
การออกกำลังกายเราไม่ได้มีกำหนดวันนะ คือว่างวันไหนก็ไป ส่วนมากก็จะว่าง ถ้าไม่ต้องทำงาน ไม่มีสอบ ก็จะไป
การออกกำลังกายของเราอีกแบบคือ ตีแบต มันสนุกดีนะ โชคดีที่เพื่อนก็ไปตีด้วย
อ๋อ ลืมบอกตอนลดน้ำหนักนี่ เพื่อนก็เป็นส่วนสำคัญนะ คือปกติเราอยู่หอใช่ปะ ทุกวันคือกินข้าวกับเพื่อน พอถึงคราวที่เราจะลดน้ำหนัก
เรา ต้องบอกมันอย่างจริงจังเลย ว่า ไม่กินนะข้าวเย็น ร้านนมหรือไปกินขนมที่ไหนก็ห้ามชวน แรกๆ ก็ยังมีชวนบ้าง หลังๆ เราไม่ไป เพื่อนนี่เงียบหายไปเลย 555 คราวนี้พอลดมาสักพักเราก็ปรึกษาพี่สาว พี่เราก็แนะนำให้เราไปดู รายการ good shape save cost ซึ่ง มันโอเคมากเลย
จริงนะ คือเราดูแล้วเรามีกำลังใจมากเลย ก็คือจะเน้นควบคุมอาหาร มากกว่าออกกำลังกาย ซึ่งปกติเราก็ออกอยู่แล้วละ
พอ ดูรายการนี้เราก็ กินแบบคำนวณแคลอรี่เลยละ จริงจังมากๆ ถ้าจะกินตอนเย็นคือก็ต้องดูอะไรที่แคลอรี่น้อย ๆ พอช่วงนี้ก็เลยออกกำลังกายไม่ได้สม่ำเสมอ
3. ออกกำลังกาย คุมแคลอรี่
หลังจากนั้นเราก็คุมแคลอรี่มาเรื่อยๆ ตลอดเลย ออกกำลังกายบ้าง แบบว่าอาทิตย์ละ 3-4 ครั้ง แต่ถ้าอาทิตย์ไหนไม่ไปก็คือไม่ได้ไปเลยทั้งอาทิตย์นะ ถ้าจำไม่ผิด ช่วงประมาณเดือนมีนาเราหนัก 71 ซึ่งเป็นช่วงเริ่มเรียนซัมเมอร์
เราลองใช้สูตรพระเทพ แบบ 7 วัน น้ำหนักก็ลดประมาณ 3 กิโลนะ จำไม่ได้ว่าทำช่วงมีนาหรือเมษา ถือว่าไม่เยอะ เพราะอ่านจากสูตรเค้าบอกลด 7-8 โล
แต่มันเป็นระยะเวลาที่ทำให้เราลงถึงเลข 6!!! แบบ 68-69 เห๊ยยย มันฟินมากกกกก ไม่รู้ว่าทำไม 55555 ดีใจที่ตัวเองพ้นจากเลข7 สักที
4. ใช้สูตรอาหารลดน้ำหนัก >>> คราวนี้เป็นสูตรโหดนะ <<< เราลองทำเองแบบไม่ถามใครคือ
- มื้อเช้า : โยเกิร์ต
- เที่ยง : ไข่ต้ม 2ฟอง
- เย็น : ผลไม้ (บางวันไม่กิน)
ตอน เย็นออกไปเดินเร็วๆ รอบสวนสารธารณะ (สระพังทอง) 2-3รอบ ทุกวัน!! เพราะว่าเราว่างมาก อยู่บ้านมีแต่นั่งๆ นอนๆ ออกไปขยับร่างกายซะหน่อย
ช่วงนั้นเราออกอยู่สองแบบคือ ว่ายน้ำกับวิ่งนี่ละ ไม่รู้ออกกำลังกายได้มากไหม แต่ควบคุมอาหารนี่ได้ผลสุดๆๆ
เอ่อ .. แต่เราขอเตือนนะ ช่วงที่เราทำคือเราไม่ได้ทำไรเลยแต่ละวัน แบบงานบ้านหรือทำไรก็ไม่ได้ทำ แล้ว มันเป็นช่วงปิดเทอม เราทำเราโอเค เพื่อนเราเคยลองทำแล้วมันหน้ามืด คืออาจจะแล้วแต่คนอะ ใชวิจารณญาณแล้วกันเน่อออออ
พอ น้ำหนัก 55 แบบคงที่แล้ว เราก็ทำการกินปกติ ออกแนวเริ่มปล่อยตัวด้วยซ้ำ ฮ่าาา ก็กินขนม กินนม กินข้าวเยอะขึ้น แต่ก็ไม่เท่าตอนอ้วนแหละ แล้วคราว นี้อยู่ๆไปเรื่อยก็รู้สึกว่า 55 ฉันก็ยังอวบๆอยู่เลยนะ เลยพยายามลด โดยการกลับมาควบคุมการกิน แบบจริงจังขึ้น แต่คราวนี้เราไม่ใช้สูตรโหด
เพราะ เราต้องเรียนหนังสือ ทำนู๊นนี่ เราทำเป็นแบบ กินพวกก๋วยเตี๋ยว สลัดผัก เกาเหลา ผลไม้ ไข่ต้ม วนๆ อยู่แบบนี้ ถ้าต้องกินข้าวจริงๆ ก็กินกับเยอะกว่า ข้าวก็แบ่งๆ ให้เพื่อนไป ช่วงนี้เราออกกำลังกายด้วยนะ ไปวิ่งตอนเช้า 40 นาที น่าจะอาทิตย์ละสองครั้งได้
เชื่อได้ว่าเรื่องราวของสาวน้อยที่ใช้นามว่า Like a Pyramid คงจะเป็นวิธีที่ดีในการที่สาวๆ คนไหนอยากจะหันมาเปลี่ยนแปลงตัวเองให้ดีขึ้น เห็นรึเปล่าว่าวิธีที่เธอทำนั้นไม่ยาก และไม่ต้องเตรียมการ หรือเตรียมความพร้อมอะไรให้มากมาย ขอแค่เรามีความอดทนที่จะผ่านมันไปให้ได้ มีความสม่ำเสมอ
อย่าเพิ่งย่อท้อก่อนจะเห็นผล ไม่ใช่แค่รูปร่างดีขึ้นเพียงอย่างเดียว แต่สุขภาพของเราก็จะดีตามไปด้วย ใส่ชุดไหนก็ดูสวย ถ่ายรูป Act ไหนก็ดูสดใส เดินไปทางไหนก็น่าจับตามองไปซะหมด
แคลอรี่กับความต้องการพลังงานของร่างกาย
แคลอรี่ (Calorie) ก็คือหน่วยในการวัดพลังงานที่เรามักจะเห็นได้จากฉลากที่อยู่ข้างกล่องผลิตภัณฑ์อาหารต่างๆ มีจุดประสงค์เพื่อไว้ปริมาณแคลอรี่ของอาหารที่เรารับประทานเข้าไป เนื่องจากว่าร่างกายของเราต้องการพลังงาน โดยสารอาหารที่ให้พลังงานกับร่างกาย ได้แก่
- คาร์โบไฮเดรต จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม เท่ากับโปรตีน
- โปรตีน จะให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม
- ไขมัน จะให้พลังงานสูงสุด คือ 9 กิโลแคลอรี่ต่อกรัม (ให้พลังงานเป็นสองเท่าของโปรตีน หรือคาร์โบไฮเดรต)
สำหรับร่างกายของเรานั้น โดยปกติปริมาณของแคลอรี่ที่ควรบริโภคต่อวันสำหรับผู้ที่ทำงานหนักปานกลาง คือ ประมาณ 2,000 กิโลแคลอรี่ แต่สำหรับผู้ที่ต้องทำงานหนัก หรืออาจต้องใช้พลังงานมาก อย่าง กรรมกร หรือนักกีฬา ต่างก็ต้องการพลังงานที่เพิ่มมากขึ้นกว่านี้
หากต้องการลดน้ําหนักจะต้องเข้าใจถึงเรื่องพลังงานในอาหาร ส่วนผู้ที่ทำงานเบากว่าคนปกติทั่วไปก็ต้องพลังงานในส่วนที่น้อย วิธีลดความอ้วนบางคนอาจเหมาะกับการนับแคลอรี่ การบริโภคอาหารในแต่ละมื้อสำหรับคนทั่วไปก็ไม่ควรเกิน 600 กิโลแคลอรี่ มักจะเป็นอาหารจานเดียว อย่าง ข้าวผัด และก๋วยเตี๋ยว ซึ่งจะให้ปริมาณพลังงานประมาณ 300 – 500 กิโลแคลอรี่
ซึ่งตามคำแนะนของ Thai Recommended Daily Intakes (Thai RDI) ได้ระบุปริมาณของสารอาหารที่แนะนำให้บริโภคต่อวันสำหรับคนไทยที่มีอายุตั้งแต่ 6 ปีขึ้นไปที่มีความต้องการพลังงานวันละ 2,000 กิโลแคลอรี่ อาจจำแนกเป็นปริมาณความต้องการของสารอาหารต่างๆ ได้แก่ …
- คาโบไฮเดรต คิดเป็น 60% หรือประมาณ 1,200 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 300 กรัมต่อวัน
- โปรตีน คิดเป็น 10% หรือประมาณ 200 กิโลแคลอรี่ หรือเท่ากับปริมารที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 50 กรัมต่อวัน
- ไขมัน คิดเป็น 30% หรือประมาณ 30% หรือเท่ากับปริมาณที่ควรบริโภคต่อวันเท่ากับ 66.6 กรัมต่อวัน
แต่หากคนไหนที่ต้องการพลังงานมากกว่า หรือน้อยกว่าที่กล่าวไปข้างต้นนี้ แนะนำให้ทำการปรับเพิ่ม หรือลดลงตามสัดส่วนของพลังงานทั้งหมดที่ต้องการต่อวัน สูตรลดน้ําหนักด้วยการทานพลังงานจากอาหารให้เพียงพอไม่เกินพอดีนี้ ร่างกายของเราจะใช้พลังงานที่ได้รับเข้าไปช่วยเสริมระบบต่างๆ
ภายในร่างกายสามารถทำงานได้ดียิ่งขึ้น อีกทั้งยังช่วยให้ภายในร่างกายสามารถกักเก็บพลังงานส่วนเกินไว้ในรูปของไขมันและแหล่งพลังงานอื่นๆ ตามอวัยวะภายในร่างกายไว้สำหรับใช้ในอนาคตอีกด้วย
ขอบคุณ สาระน่ารู้ > คุณ Like a Pyramid
เรื่องราว > สุขภาพ ความสวยความงาม อื่นๆ < ที่คุณไม่ควรพลาด สาระความรู้ต่างๆ