How to วิธีเลือกชุดชั้นใน ให้เหมาะกับตัวเอง รู้ไว้ไม่เสียทรง

Author

Categories

Share

How to วิธีเลือกชุดชั้นใน ให้เหมาะกับตัวเอง รู้ไว้ไม่เสียทรง

How to วิธีเลือกชุดชั้นใน ให้เหมาะกับตัวเอง รู้ไว้ไม่เสียทรง
How to วิธีเลือกชุดชั้นใน ให้เหมาะกับตัวเอง รู้ไว้ไม่เสียทรง การเลือกใช้ชุดชั้นในเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่สำคัญมากสำหรับคุรผู้หญิงเพราะนอกจากจะช่วยรักษาทรวงอกไม่ให้เสียรูปเสียทรงหรือหย่อยคล้อยเกินวัยแล้ว ยังเป็นการเสริมบุคคลิกภาพของผู้ใส่ด้วย ดังนั้น การเลือกใช้ชุดชั้นใจให้เหมาะกับสรีระของแต่ละคนจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ชุดชั้นในเลือกซื้อแบบไหนให้เหมาะ รู้ไว้ไม่เสียทรง

1.ขนาดรอบอก VS ไซด์เสื้อใน
สิ่งแรกสำหรับผู้หญิงที่ต้องให้ความสำคัญคือการทราบถึงขนาดรอบอกเพื่อหาไซด์ของเสื้อในที่จะใส่ได้ถูกต้อง ในความเป็นจริงแม้หน้าอกเป็นส่วนสำคัญของผู้หญิงแต่ก็มีไม่น้อยที่ไม่ใส่ใจกับการเลือกซื้อเสื้อในให้ถูกวิธีและถูกไซด์ บางคนนิยมซื้อโดยอาศัยไซด์เดิมที่เคยซื้อเป็นประจำ บางคนอายไม่กล้าวัดขนาดอบอกในที่สาธารณะ หรือไม่กล้าทดลองลองสวมเวลาไปเลือกซื้อ

ซึ่งแบบนี้ถือว่าเป็นการเลือกซื้อซื้อในที่ผิดวิธี เพราะผู้ผลิตเสื้อในออกจำหน่ายมีหลายเจ้าหลายรายแต่ละเจ้าแต่ละรายก็จะมีการคิดคำนวณขนาดสินค้า รูปแบบการตัดเย็บที่เหมือนหรือต่างกันไป

วิธีวัดขนาดรอบอกที่ถูกต้องเพื่อหาไซด์เสื้อในให้ทำการวัดดังนี้ ให้คุณผู้หญิงยืนตัวตรงแล้วใช้สายวัดทำการวัดรอบอกโดยการวัดผ่านหัวนมทั้งสองข้างมีหน่วยเป็นเซ็นติเมตร ( ซม. ) แล้ววัดขนาดรอบใต้อกคือวัดขนาดรอบตัวใต้ฐานเต้านมมีหน่วยเป็นเซ็นติเมตร ( ซม. ) อีกตำแหน่งหนึ่ง การวัดทั้งสองตำแหน่งผู้วัดไม่ต้องรัดสายวัดแน่นเกินไปหรือหลวมเกินไป ให้วัดโดยยึดเอาสายวัดอยู่ในระดับที่กำลังดีไม่แน่นไม่หลว

นำตัวเลขที่วัดมาได้ตัวแรก ลบ ออกด้วยตัวที่สอง ผลลัพธ์จะเป็นขนาดหน้าอก นำตัวเลขที่คำนวณได้ไปหา “ คัพ ” ของเสื้อในที่เหมาะกับผู้วัดโดยปกติในประเทศไทยจะแบ่งเป็นไซด์ A B C D E และ >E ส่วนการหาไซด์เสื้อในก็ให้ผู้วัดนำตัวเลขของขนาดรอบใต้ฐานเต้านมที่วัดได้ไปเทียบกับตารางเสื้อในของร้านค้าที่คุณผู้หญิงไปหาซื้อนั่นเอง

เช่น รอบอกได้ 95 ซม. ใต้อกได้ 75 ซม. นำมาลบกันเหลือ 20 ซม.ซึ่งจะเป็นเสื้อในคัพ E ส่วนไซด์เสื้อในเมื่อเทียบตารางแล้วจะเป็นไซด์ 75 ซม. เสื้อในของคุณผู้หญิงท่านนี้คือ 75E

ดังนั้น การคำนวณหาคัพเสื้อใน = ผลต่างของรอบอก – รอบใต้อก โดยคัพ A ตัวเลขผลต่างอยู่ระหว่าง 9 – 11 ซม. , B ตัวเลขผลต่างอยู่ระหว่าง 11.5 – 13.5 ซม. , C ตัวเลขผลต่างอยู่ระหว่าง 14 – 16 ซม. , D ตัวเลขผลต่างอยู่ระหว่าง 16.5 – 18.5 ซม , E ตัวเลขผลต่างอยู่ระหว่าง 19 – 21 ซม. และ >E ตัวเลขผลต่างอยู่ระหว่าง 21.5 ซม. ขึ้นไป

ขนาดไซด์ = ระยะรอบใต้ฐานอก ถ้าวัดได้ 63 – 67 ซม. ไซด์คือ 65 , 68 – 72 ไซด์คือ 70 , 73 – 77ไซด์คือ 75 , 78 – 82 ไซด์คือ 80 , 83 – 87 ไซด์คือ 85 , 88 – 92 ไซด์คือ 90 , 93 – 97 ไซด์คือ 95 , 98 – 102 ไซด์คือ 100 และ 103 – 107 ไซด์คือ 105

2.รูปทรงหน้าอก
รูปทรงหน้าอกของคุณผู้หญิงไม่ใช่มีเพียง 2 แบบอย่างที่เข้าใจกัน ไม่ใช่มีเพียงแบบเล็ก และแบบใหญ่ แต่รูปทรงหน้าอกของผู้หญิงทั่วโลกมีถึง 7 แบบด้วยกัน เมื่อรูปแบบของหน้าอกแตกต่างกันออกไปเช่นนี้ การเลือกใช้เสื้อในก็ต้องแตกต่างออกไปตามรูปทรงของหน้าอกด้วย คุณผู้หญิงจะเลือกส้อเพียงเห็นว่าสวย และถูกใจ หรือราคาประหยัดอย่างเดียวไม่ได้ โดยเฉพาะซื้อ 1 แถม 1 แบบนี้ไม่ได้

รูปทรงหน้าอกของผู้หญิงทั่วโลกแบ่งออกได้ 7 อย่าง สามารถหลับตานึกภาพตามชื่อเรียกได้เลย แล้วคุณผู้หญิงทั้งหลายจะทราบว่าคุณมีหน้าอกรูปทรงใด ได้แก่ แบบไม่สมมาตรา2 เต้าไม่เท่ากัน , แบบระฆัง , แบบหยดน้ำตา , แบบหัวนมแยกไปคนละทางตรงข้ามกัน (แบบตะวันออก – ตะวันตก ) , แบบด้านข้าง , แบบหน้าอกเล็ก และแบบกลม

3. การใช้เสื้อในให้ถูกวิธี

มีเสื้อในบางประเภทที่เป็นแบบตะขอติดหลัง โดยเสื้อในประเภทนี้จะทำตะขอติดด้านหลังของเสื้อในไว้ใหผู้สวมในติด อาจจะมี 2 แถว 3 แถว หรือ 4 แถวแล้วแต่ยี่ห้อ การมีตะขอด้านหลังเสื้อในไม่ได้หมายความว่าคุณผู้หญิงสามารถใช้เสื้อในได้ตลอดไปจนกว่าจะขาด ขนาดหน้าอกเปลี่ยนไปเท่าไหร่ก็ใช้ขยับตะขอไปเรื่อยๆ นั่นเป็นการใช้ที่ผิดวิธี แท้จริงแล้วตะขอในแถวด้านหลังเสื้อใน ผู้ใส่ต้องใช้แถวมในสุดเป็นหลัง

เวลาเลือกซื้อเสื้อในต้องลองใส่โดยใช้ตะขอด้านในเป็นหลัก ส่วนตะขอแถวถัดออกมา ผู้ผลิตทำไว้เพื่อให้ท่านใช้ในกรณีที่คุณผู้หญิงกำลังจะมีประจำเดือนเพราะทรวงอกของผู้หญิงจะขยายใหญ่ขึ้นนั่นเอง ถ้ามีตะขอแค่ตัวเดียว ผู้ใส่จะรู้สึกแน่นและอึดอัด การขยับติดตะขอในแถวถัดๆ ไปจะส่วนร่างกายและสรีระสบายขึ้น เมื่อร่างกายกลับเข้าสู่ภาวะปกติ ผู้ใช้ก็สามารถสวมใส่และใช้ตะขอแถวในสุดเหมือนเดิมได้

การใส่เสื้อในที่แน่นเกินไปไม่ถูกกับสรระ หรือสบายใส่ให้แน่นเพื่อดันทรวงขึ้นมา หรือเพื่อทำให้อกชิด ในระยะยาว คุณผู้หญิงก็จะมีปีญหาด้านสุขภาพได้ เช่น เกิดรอยกดทับ รอยแดง หรือร้ายที่สุดก็เป็นมะเร็งเต้านมนั่นเอง

4.การตัดเย็บ เนื้อผ้า อุปกรณ์เสริมต่างๆ
การเลือกชั้นในที่ดีต้องมีรูปแบบการตัดเย็บที่ดี เนื้อผ้าสามารถระบายความอับชื้นได้ง่าย ไม่หนาเกินไป ตะขอมีความเรียบร้อยและตะขอต้องไม่แข็งแต่สภาพมั่นคงแข็งแรงไม่ขาดหลุดง่าย ตะเข็บมีความเรียบเนียน ไม่นูนมากจนกดทับเนื้อรอบตัวของผู้สวมใส่ สีผ้าไม่ตก ถ้าซื้อแบบมีโครงซัพพอตควรเป็นโครงที่ทำจากยางหรือพลาสติสที่มีความนิ่ม ยืดหยุ่นง่ายไม่แทงทะลุเนื้อผ้า

ผู้ใส่สามารถขยับตัวไปมาได้สะดวก ไม่ดันทรงจนหน้าออกทะลักออกมาเวลาเอี้ยวตัว ส่วนการเสริมฟองน้ำให้ดูทรงหน้าอกผู้สวมใส่สวยงามขึ้น ควรเลือกเฉพาะที่พอเหมาะพองาม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป คุณผู้หญิงที่มีหน้าอกชิด หรือรูปแบบอกเป็นทรงกลมซึ่งสวยงามอยู่แล้วก็ไม่ควรใช้เสื้อในแบบเสริมฟองน้ำ เพราะจะทำให้ดูใหญ่บวมเกินไป ผิดปกติ

5.รูปแบบชุดชั้นใน
การเลือกชุดชั้น ผู้ใส่ควรเลือกสวมใส่ให้เหมาะกาลเทศะและกิจกรรมที่จะไปทำ เพื่อให้บุคคคลิกภาพและสุขอนามัยของผู้สวมใส่ถูกต้องดีต่อร่างกาย ซึ่งชุดชั้นของคุณผู้หญิงมีรองรับอยู่มากมายหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ชุดชั้นในครึ่งทรง ชุดชั้นในเต็มทรง ชุดชั้นในคว้านลึกกลางลำตัว ชุดชั้นในแบบดันทรง ชุดชั้นในแบบซัพพอร์ต

ชุดชั้นในเสริมฟองน้ำ ชุดชั้นในแบบไม่มีฟองน้ำ ชุดชั้นในแบบเกาะอก บราปีกนก แผ่นปิดหัวนม บราเล็ต สปอร์ตบรา ทีเชิร์ตบรา บัลโคเน็ตบรา ชุดชั้นในตะขอหน้า ชุดชั้นในแบบให้นม ชุดชั้นในแบบบิวท์อิน แบบนี้คงมีให้เลือกมากพอสำหรับงานใช้งานในหลายๆ รูปแบบแน่นอน

สรุปการเลือกชุดชั้นใน ให้เหมาะกับตัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ การเลือกชั้นในที่ดีย่อมทำให้ผู้สวมใส่มีสรีระที่ถูกสุขลักษณะ ส่งเสริมบุคคลิกภาพของตนเองและกับไม่ก่อนให้เกิดปัญหาสุขภาพในอนาคตด้วย

เรื่องราว >>>  สุขภาพ ความงาม ดูดวง <<< ที่คุณไม่ควรพลาด สาระความรู้ต่างๆ

Author

Share